วันที่ 23 ตุลาคม 2564 เวลาประมาณ 08.00 น. ร.ต.อ.ธรรมรัตน์ มะลาศรี พนกงานสอบสวน สภ.นาหว้า จ.นครพนม รับแจ้งมีเหตุคนถูกฆ่าตายในบ้านเลขที่ 191 หมู่ 3 บ้านหนองไชยวาน ต.นาหว้า จึงประสานแพทย์เวร รพ.นาหว้า และกู้ภัยศรีสัตตนครพนม เดินทางไปยังบ้านหลังดังกล่าวที่ปลูกเป็น 2 ชั้น ครึ่งปูนครึ่งไม้ โดยบริเวณชั้นล่างมีเตียงคนไข้อยู่ตรงหน้าต่างติดประตูหน้าบ้าน พบศพผู้ตายเป็นชายทราบต่อมาว่าชื่อนายอนันตชัย อังคะมาตย์ หรือเท่ อายุ 22 ปี ลูกชายเจ้าของบ้านซึ่งเป็นผู้ป่วยติดเตียงในสภาพสวมใส่แพมเพิสผ้าอ้อมผู้ใหญ่เพียงตัวเดียว มีเชือกไนล่อนสีแดงรัดอยู่ที่ลำคอ และไม่มีร่องรอยการต่อสู้
ระหว่างเจ้าหน้าที่ชันสูตรพลิกศพนายเท่อยู่นั้น ก็มีชายเลี้ยงควายวิ่งหน้าตาตื่นมาแจ้งว่า พบศพผู้ชายคนหนึ่งนอนตายอยู่ในศาลาที่สร้างไว้ให้ประชาชนพักผ่อนริมสระน้ำหนองไชยวาน ห่างจากบ้านที่เกิดเหตุประมาณ 500 เมตร และยังไม่ทราบว่าเป็นใครมาจากไหน เจ้าหน้าที่จึงไปตรวจสอบทราบว่าชายดังกล่าวชื่อนายทองไสว อังคะมาตย์ หรือกึด อายุ 54 ปี เป็นพ่อของนายเท่นั่นเอง มีบาดแผลเฉือนบริเวณลำคอเป็นแผลฉกรรจ์ และมีมีดพร้าตกอยู่ที่มือด้านขวา เลือดสาดกระเซ็นเต็มศาลา จึงเก็บหลักฐานจุดที่พบศพทั้งสองแห่งไว้เป็นหลักฐาน เพื่อสอบสวนหาสาเหตุการเสียชีวิตของสองพ่อลูกอย่างละเอียดอีกครั้ง
จากการสอบสวนเบื้องต้นนางสังวรณ์ อรรคบาล อายุ 54 ปี ภรรยาและเป็นแม่ของนายเท่ เล่าว่าลูกชายออกโรงเรียนไปทำงานเป็นลูกจ้างร้านนึ่งข้าวขายอยู่ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เป็นเวลานานหลายปี จนสามารถเก็บเงินดาวน์รถยนต์ 4 ประตูมาใช้ได้ 1 คัน กระทั่งเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา หลังเลิกงานลูกชายได้ขับรถยนต์คู่ชีพไปหาเพื่อน ระหว่างทางเกิดอุบัติเหตุรถเสียหลักตกถนน เป็นเหตุให้ลูกชายคอและกระดูกสันหลังหัก แพทย์จึงแจ้งญาติว่าคนไข้จะกลายเป็นผู้ป่วยติดเตียง ต้องนอนรักษาตัวอยู่ใน รพ.นานหลายสัปดาห์
วันที่ 12 สิงหาคม ตนได้เหมารถไปรับลูกชายกลับมารักษาต่อที่ รพ.นาหว้า เพราะครอบครัวไม่เงินจะจ่ายค่าหมอ โดยได้ค่าประกันอุบัติเป็นเงินจำนวน 80,000 บาท ซึ่งทาง รพ.ก็เมตตาคิดค่ารักษาตามที่ประกันจ่ายให้ เมื่อกลับมาถึงบ้านก็พาลูกชายเข้ารักษาที่ รพ.นาหว้า ทันที กระทั่งต้นเดือนตุลาคมแพทย์ได้อนุญาตให้กลับมาดูแลต่อที่บ้าน พร้อมมอบเตียงคนไข้ให้มา 1 ตัว
นางสังวรเล่าต่อทั้งน้ำตาว่า นายกึกสามีเห็นสภาพลูกชายกลายเป็นผู้ป่วยติดเตียง ได้แต่ยืนมองน้ำตาคลอเบ้า แต่ไม่เคยปริปากพูดหรือบ่นอะไร เพราะปกติสามีก็เป็นคนไม่ค่อยคุยกับใครไม่เคยแตะสิ่งของมึนเมา จะดูแลเปลี่ยนแพมเพิสและนอนใต้เตียงผู้ป่วยเพื่ออยู่เฝ้าลูกชายในตอนกลางคืนเสมอ
วันเกิดเหตุตนพร้อมลูกสาวคนเล็กอายุ 10 ขวบ ขับ จยย.ไปดูต้นข้าวในนาว่าจะเก็บเกี่ยวได้เมื่อไหร่ จึงบอกกับสามีว่าถ้าลูกหิวข้าวก็ป้อนเขา ตนกลับจากนาก็จะล้างแผลกดทับเอง สามีไม่ตอบได้แต่พยักหน้า ตนใช้เวลาไปดูข้าวประมาณ 1 ชั่วโมงก็กลับเข้าบ้าน พบประตูหน้าบ้านและหน้าต่างปิด ซึ่งเป็นปกติถ้าสองพ่อลูกคู่นี้อยู่ด้วยกันมักจะปิดประตูหน้าต่างแบบนี้และนอนคุยกัน ตนเปิดประตูเข้าไปไม่เห็นลูกชายอยู่บนเตียง เดินอ้อมมาอีกด้านเห็นสภาพลูกนอนอยู่ที่พื้น โดยมีเชือกไนล่อนสีแดงที่ใช้ผูกควายรัดอยู่ที่ลำคอ ด้วยความตกใจจึงตะโกนเรียกเพื่อนบ้านมาช่วยอุ้มร่างลูกขึ้นบนเตียง พร้อมปั๊มหัวใจ ตนก็ตะโกนร้องเรียกชื่อสามีว่าอยู่ไหนๆ สุดท้ายไม่สามารถกู้ชีวิตลูกกลับคืนมาได้ กระทั่งคนเลี้ยงควายแถวสระน้ำหนองไชยวานไปพบร่างสามีใช้มีดเฉือนคอตัวเองตายคาศาลาริมน้ำ
นางสังวรณ์ร่ำไห้เล่าถึงช่วงนี้ว่า นายกึดรักลูกชายคนนี้มาก โดยมีลูกด้วยกัน 3 คน เป็นชายสองหญิงหนึ่ง นายเท่เป็นคนกลาง และสามีทนเห็นสภาพลูกต้องมานอนป่วยติดเตียงเช่นนี้ไม่ได้ จึงใช้เชือกรัดคอลูกก่อนจะไปหยิบมีดพร้าเดินข้ามลัดทุ่งนา เพื่อฆ่าตัวเองตายตามลูกที่ตนรักมากที่สุด สำหรับการฌาปนกิจศพยังต้องรอปรึกษาญาติ ๆ ก่อน
แหล่งข่าว https://www.77kaoded.com/news/tawee/2186537